พุ ท ธ ป ร ะ วั ติ :
พุทธประวัติโดยสังเขป (๒) |
ทรงแสวงหาโมกขธรรมและทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา
ต่อมาพระสิทธัตถะได้เสด็จออกจากอนุปิยอัมพวัน
แคว้น
มัลละ แล้วไปยังที่ต่างๆ
จนถึงเขตกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
เพื่อแสวงหาโมกขธรรม
(ความพ้นทุกข์) ครั้งเสด็จ
เข้าไปอบรมศึกษาใน
สำนักอาฬารดาบส กาลามโคตร
และสำนักอุทกดาบสรามบุตร
ทรงเห็นว่าลัทธิของ ๒ สำ
นักนั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ใด
จึงทรงอำลาจากสำนักดาบสทั้งสองนั้น
เสด็จจารึกแสวงหาโมกขธรรมต่อไปจนถึง
ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
อันมีแม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน
ได้ประทับอยู่ในป่า ณ ตำบลนี้
ทรงเริ่มบำเพ็ญทุกรกิริยา
โดยประการต่างๆ
อย่างเคร่งครัด
แต่ก็ไม่ทรงพบทางพ้นทุกข์ได้
ในเวลานั้น พวกปัญจวัคคีย์ คือ
ภิกษุ ๕ รูป
อันได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ
ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ
มีความเลื่อมใสในพระสิทธัตถะด้วยเชื่อว่าพระองค์
จนได้สำเร็จ เป็นพระพุทธเจ้า
จึงได้พากันมาเฝ้าปฏิบัติพระองค์ด้วยความเคารพ
ตรัสรู้
นับแต่ปีที่ทรงผนวชถึงปีที่ได้ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างเคร่งครัดนั้น
เป็นเวลา ๖ ปี แล้ว พระสิทธัตถะ
ทรงแน่พระทัยว่า
การบำเพ็ญทุกรกิริยานั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์แน่
และประกอบกับเวลานั้น
ท้าวสักกะได้เสด็จมา
เฝ้า ทรงดีดพิณ ๓ สายถวายคือ
สายหนึ่งตึงเกินไปมักขาด
สายหนึ่งหย่อนเกินไปเสียงไม่เพราะ
สายหนึ่งพอดี
เสียงไพเราะยิ่งทำให้พระสิทธัตถะแน่พระทัยยิ่งขึ้นว่า
การทำความเพียรเคร่งครัดเกินไปนั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
อย่างแน่แท้
พระองค์จึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา
ทรงหันมาบำเพ็ญเพียรทางใจอันได้แก่
สมถะ (ความสงบ)
วิปัสสนา (ปัญญา)
โดยทรงเริ่มเสวยพระกระยาหาร
ตามปกติ
พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕
เห็นดังนั้น จึงคลาย
ศรัทธาเลิกเฝ้าปฏิบัติ
แล้วพากันไปอยู่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
แขวงเมืองพาราณสี
เป็นเหตุให้พระองค์ประทับ
อยู่แต่พระองค์เดียว
ทำให้ได้รับความวิเวกยิ่งขึ้น
ทรงเริ่มบำเพ็ญทางใจ ณ
ภายใต้ต้นหว้าใหญ่ต้นหนึ่ง
ครั้นอยู่ต่อมาถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
เวลาเช้า
พระองค์เสด็จไปประทับที่โคนต้นไทรต้นหนึ่ง
ใกล้แม่น้ำเนรัญ
ชรา เวลานั้นนางสุชาดา
ธิดาสาวของกฎุมพีนายบ้านเสนานิคม
ตำบลอุรุเวลา
ได้จัดข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองคำ
นำไปบวงสรวงเทวดาที่ต้นไทรนั้นตามลัทธินิยมของตน
ครั้นเห็นพระสิทธัตถะประทับนั่งอยู่ก็เข้าใจว่าเป็นเทว-
ดาจึงน้อมถวายข้าวมธุปายาสพร้อมทั้งถาดทองคำ
แล้วหลีกไป
พระสิทธัตถะทรงรับข้าวมธุปายาสแล้วเสด็จไป
ยังแม่น้ำเนรัญชรา
ทรงสรงสนานพระวรกาย
แล้วเสวยข้าวมธุปายาสแล้วทรงลอยถาดลงในกระแสแม่น้ำเนรัญ
ชรา
ครั้นแล้วแล้วจึงเสด็จไปประทับในดงไม้สาละใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรานั้น
ครั้นย่างเข้ายามเย็น
พระสิทธัตถะก็เสด็จจากป่าสาละไปยังต้นอัสสัตถพฤกษ์(มหาโพธิ)ต้นหนึ่ง
ซึ่งอยู่ริมฝั่ง
ที่โค้งแม่น้ำเนรัญชราฝั่งตะวันตก
ระหว่างทางทรงรับฟ่อนหญ้าคาที่คนหาบหญ้าขายชื่อ
โสตถิยะน้อมถวาย ๘
ฟ่อน
ทรงนำไปปูลาดเป็นบัลลังก์ที่ควงไม้มหาโพธินั้น
แล้วประทับลงบนบัลลังก์นั้น
ผินพระพักต์ไปทางทิศตะ
วันออก ทางแม่น้ำเนรัญชรา
ทรงบำเพ็ญเพียรทางใจ คือ
ทรงเจริญสมถะและวิปัสสนาได้บรรลุพระอนุตรสัมมา
สัมโพธิญาณ
สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในยามสุดท้ายแห่งวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี
ครั้นตรัสรู้แล้ว
พระพุทธองค์ได้ประทับเสวยวิมุติสุขอยู่
๗ สัปดาห์ ในสถานที่ทั้ง๗ แห่ง
แห่งละสัปดาห์คือ
ที่ต้นมหาโพธิ
ที่อนิมิสเจดีย์
ที่รัตนจงกรมเจดีย์
ที่รัตนฆรเจดีย์
ที่ต้นอชปาลนิโครธ
ที่ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) และ
ที่ต้นราชาตนะ (ต้นเกด)
ตามลำดับ
ในสัปดาห์ที่ ๕
ระหว่างเวลาที่ประทับอยู่ที่ต้นอชาปาลนิโครธนั้น
พระพุทธองค์ทรงแก้ปัญหาพราหมณ์ผู้
หนึ่งซึ่งทูลถามปัญหาเรื่องความเป็นพราหมณ์
และมีพระธิดาพญามารทั้ง ๓ คือ
นางตัญหา นางราคา และนาง
จรตี
ได้มาทำการยั่วยวนพระองค์ให้ทรงหันไปลุ่มหลงในทางโลก
แต่ไม่เป็นผล ในสัปดาห์ที่ ๖
ระหว่างแวะประ
ทับอยู่ที่ใต้ต้นมุจลินท์นั้น
มีฝนตกตลอดสัปดาห์ พญานาคชื่อ
มุจลินท์ ได้มาถวายอารักขา
ป้องกันพระองค์มิให้
เปียกฝน และมิให้กระทบลมหนาว
ในสัปดาห์ที่ ๗
ระหว่างเวลาที่ประทับอยู่ใต้ต้นราชายตนะนั้น
มีพ่อค้า ๒ คน
คือ ตะปุสสะ กับ ภัลลิกะ
ได้ถวายข้าวสัตถุก้อนและสัตถุผงแก่พระพุทธองค์
และมีความเลื่อมใสได้ประกาศตน
เป็นอุบาสก
ถือพระพุทธกับพระธรรมเป็นสรณะ
นับเป็นอุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนา
ทรงแสดงปฐมเทศนา
และได้เป็นปฐมสาวก
ครั้นต่อมาถึงตอนเย็นวันขึ้น ๑๕
ค่ำเดือนอาสาฬหะ (เดือน ๘)
พระพุทธองค์ได้เสด็จจากตำบลอุรุเวลาเสนานิคมถึงป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
แขวงเมืองพาราณสี
ในวันรุ่งขึ้นอัน
เป็นวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะได้ทรงแสดงพระปฐมเทศนา
คือ
พระธรรมจักรกับกัปปวัตนะสูตร
โปรดภิกษุปัญจ-
วัคคีย์ทั้ง ๕
อันเป็นเทศนากัณฑ์แรกในพระพุทธศาสนา
เมื่อจบเทศนาแล้ว ท่านโกณฑัญญะ
(อัญญาโกณฑัญญะ)
ได้ธรรมจักษุ
คือได้ดวงตาเห็นธรรม
อันได้แก่การได้บรรลุพระโสดาปัตติผล
และได้ขออุปสัมปทา นับเป็นพระ
สงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา
ต่อแต่นั้นมาก็ทรงสั่งสอนท่านทั้ง
๔ จนได้บรรลุโสดาปัตติผล
และได้อุป
สมบทเป็นพระสงฆ์ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาทุกองค์
ต่อมาถึงวันแรม ๘ ค่ำ เดือนสาวนะ
(เดือน ๙) พระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดท่านทั้ง
๕ ในวันนั้น
จึงนับเป็นพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก
รวมทั้งพระพุทธ
องค์ด้วยเป็น ๖ องค์
|
ตอนที่ [1] [2] [3]
[4] [5]
กลับไปหน้าแรก | พุทธประวัติ
| พุทธศาสนสุภาษิต
|