|
-
วันนี้อยากจะพูดวิธีการแก้ปัญหาชีวิตด้วยปัญญา
ขึ้นชื่อว่าชีวิตหรือความเป็นอยู่นี้
ต้องมีปัญหากันทุกคน
เคยมีท่านนายกชาติชายพูดจนเป็นที่ติดปากกันในการบริหารประเทศของ
ท่านว่า โนเพรอมแพรม หรือ
โนพร้อบเบรม แปลว่า ไม่มีปัญหา
เข้าใจว่า ไม่เป็นไรพอแก้ได้
แต่หากใช้กับชีวิตจะไม่เป็นอย่างนั้น
หมายความว่าตราบใดที่ยังชีวิตอยู่ต้องมีปัญหา
ทั้งนั้นสุดแต่ว่าจะหนักหรือเบาแก้ได้ง่ายหรือแก้ได้ยากเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น
เราตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ก็เกิดปัญหาว่าปากไม่ค่อยสะอาด
ใบหน้าไม่ค่อยสดใส
นี้แหละคือปัญหา
เราจะต้องแก้ปัญหาด้วยการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น
บ้วนปากแปรงฟัน ก็จะรู้สึกสบาย
เป็นอันว่าแก้ปัญหาได้ ๑
อย่างแล้ว
ต่อมาก็เกิดปัญหาอีกคือรู้สึกว่าหิวอยากจะรับประทานอะไร
สักอย่าง
ก็แก้ปัญหาโดยการหุงหาอาหารเช้าเพื่อรับประทาน
เมื่อรับประทานแล้วก็รู้สึกว่าหมด
ปัญหา เป็นอันว่าแก้ไปได้อีก ๑
อย่างแล้ว
ไม่มีเงินทองก็เกิดปัญหา
เราก็จะต้องแก้ไขปัญหาโดยการทำงานเป็นต้น
ตั้งแต่เช้าจนค่ำจนตลอดชีวิตของเราจะมีปัญหาให้แก้อยู่ร่ำไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตายแล้วเมื่อไรนั้นแหละจึงจะหมดปัญหาไปเปราะหนึ่ง
ทีนี้มาวิเคราะห์ว่าปัญหาที่เกิดกับเรานั้นมีกี่อย่าง
ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมี ๒ อย่าง
คือปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวเราเป็นเหตุอย่างหนึ่ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะคนอื่นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวเราเป็นเหตุก็แก้ไขได้ง่ายหน่อย
ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะคนอื่นก็แก้ยากหน่อย
ส่วนชนิดของปัญหาก็มีอยู่ ๒
อย่างเช่นกันคือ
ปัญหาที่แก้ไขได้อย่างหนึ่ง
เช่น หิว หนาว ร้อน เป็นต้น
และปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อย่างหนึ่ง
เช่นตายเป็นต้น
เฉพาะปัญหาที่แก้ได้นั้นท่านแนะว่าให้
แก้ด้วยปัญญา ด้วยเหตุผล
ด้วยวิจารณญาณ
ดังตัวอย่างจะเล่าให้ฟัง
-
มีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยแม่และลูกชายพ่อตายไปนานแล้ว
ลูกชายคนนี้เป็นลูกกตัญญู
เลี้ยงดู มารดาอย่างดีที่สุด
หาข้าวหาน้ำอย่างที่พอจะหาได้เลี้ยงดูมารดา
หาเสื้อผ้าให้สวมใส่ อย่าง
ไม่ขาดตกบกพร่อง
ที่หลับที่นอนก็เช็ดถูปัดกวาดให้เป็นอย่างดี
ปูที่หลับปัดที่นอน ถึงเวลานอน
แม่เข้านอนแล้วก็บีบบ้างนวดบ้าง
จนแม่หลับไปกับมือ
คนแก่มักเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดูแลจนหายดีทุกครั้ง
จนเป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วไปว่า
ลูกกตัญญู
-
ต่อมาภายหลังลูกชายได้ภรรยาคนหนึ่งถูกใจพ่อหนุ่มเป็นยิ่งนักจึงไหลหลงตามประสาคนหนุ่ม
และข้าวใหม่ปลามัน
จึงเป็นเหตุให้ไม่ได้ปรนนิบัติแม่เหมือนอย่างที่เคยทำ
หรือทำน้อยลง
จนคุณแม่รู้สึกน้อยใจว่า
ตั้งแต่ได้ลูกสะใภ้ก็ทำให้ลูกชายรักแกน้อยลง
จีงเป็นเหตุให้ไม่ชอบ
ลูกสะใภ้นานวันเข้าความไม่ชอบลูกสะใภ้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นที่ขวางหูขวางตาของแม่ผัว
ฝ่ายลูกสะใภ้ก็นึกน้อยใจอยู่ว่า
คู่ผัวตัวเมียคู่อื่น ๆ
เมื่อแต่งงานแล้วก็จะแยกบ้านแยกเรือน
ไปอยู่ เรือนหอ
เวลาจะหยอกจะเย้ากันเล่นบ้างก็ไม่ต้องอายใคร
แต่นี้แม้แต่งแล้วก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน
จะกอดบ้าง
จะหอมกันบ้างก็อายแม่ผัว
จึงเป็นเหตุให้ลูกสะใภ้คนนี้ไม่ชอบแม่ผัวเป็นอย่างมาก
คนเรานั้น
ลงถ้าไม่ชอบกันแก้วอะไรก็ไม่ถูกใจทั้งนั้น
จากความขึ้งเคลียดก็กลายเป็นด่าทอซึ่งกันและกัน
จนในที่สุดถึงกับลงไม้ลงมือกันทีเดียวพูดง่าย
ๆ ว่า
แม่ผัวกับลูกสะใภ้ตีกันทุกวัน
-
ในที่สุดความอดทนก็ถึงซึ่งที่สุด
คนผู้เป็นแม่ผัวจึงพูดกับลูกชายของตนว่า
"ไอ้ทิดเอ๊ย
แม่เห็นท่าจะอยู่บ้านเดียวกันกับเมียเองไม่ได้แล้วนะ
เพราะอะไรเองก็คงรู้
เอาอย่างนี้นะลูก
แม่จะให้ลูกเลือกเอาว่า
จะเลือกแม่หรือเลือกเมีย
ถ้าเลือกแม่ต้องไล่อีนังลูกสะใภ้ที่ไม่ได้ความ
คนนี้ออกไป
หากเลือกเมียแม่ก็จะไปตามทางของแม่
ต่อมาคนผู้เป็นภรรยาจึงพูดกับสามีว่า
"
พี่ฉันเห็นท่าจะอยู่กับแม่ของพี่ไม่ได้อีกแล้ว
ตั้งแต่ฉันเกิดมาเป็นตัวตนไม่เคยเห็นแม่ผัวที่ไหน
ร้ายกาจเหมือนแม่พี่เลย
เอาอย่างนี้นะพี่นะ
ต้องให้พี่เลือกเอาว่าจะเลือกฉันหรือเลือกแม่
ถ้าเลือกฉัน
ต้องไล่แม่ไปเสียจากบ้าน
ถ้าพี่เลือกแม่ฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง
โลกนี้ไม่ไร้เท่าใบพุดทราหรอก
"
-
อันนี้แหละที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะคนอื่น
เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้ท่านจะแก้อย่างไร
แต่เมื่อนึกถึงคำของพระพุทธองค์ว่า
จงแก้ปัญหาด้วยปัญญา
กระทาชายนายคนดังกล่าวจึง
แก้ไขปัญหาครอบครัวนี้ด้วยปัญญาโดยการทำอย่างนี้
ในเวลากลางดึกวันหนึ่ง กระทาชาย
นายคนนี้ก็เอาดาบเก่าขึ้นสนิมของพ่อที่ห้อยไว้ข้างฝานานแล้ว
เอามาลับกับหินลับมีด
เสียงดังแกรก ๆ ข้างห้องของเมีย
เมียจึงออกมาดูด้วยความแปลกใจและพูดกับสามีว่า
" พี่จะเอาดาบออกมาลับ ทำอะไร
โบราณเขาถือลับมีดเวลากลางคืนจะไม่ดี
" สามีจึงพูดว่า " อ้าว..
ก็เธอให้พี่เลือกไม่ใช่ หรือ
ว่าจะเลือกแม่หรือเลือกเมีย"
ภรรยาพูดว่า
"ตกลงพี่เลือกใคร" สามีตอบว่า
ก็เลือกเธอ นั่นแหละ
เพราะเธอยังสาวยังสวยหน้าตาก็สวยสดงดงาน
จะมองส่วนใดก็ชื่นอกชื่นใจนัก
เวลาทำงานมาเมื่อย
เมื่อเห็นหน้าเธอเท่านั้น
เหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้งทีเดียว
เพราะฉะนั้น
ฉันจึงตัดสินใจเลือกเธอ
ที่ฉันลับมีดนี้ก็เพื่อเอาไว้ตัดคอแม่ฉัน
เพราะแม่ฉันแก่แล้วหากฉันไล่ให้แม่ออกไปจากบ้าน
ฉันกลัว คนอื่นเขานินทาว่า
รักเมียลืมแม่
ฉะนั้นฉันจะฆ่าแม่ของฉันด้วยดาบที่ฉันลับวันนี้แหละ
หรือ เธอจะว่าอย่างไร ?
ภรรยาตอบว่า
ดีพี่เราจะได้อยู่กันด้วยความสุขอย่างไรเล่า
ฆ่าเลยฉันจะช่วย จับแขนจับขาให้
.... สามีจึงพูดต่อว่า " ไหน ๆ
เขาก็เป็นแม่ฉัน
ฉันขอร้องเธอสักอย่างหนึ่งได้ไหม
ก่อนที่ฉันจะฆ่าแม่ฉัน
ฉันขอให้เธอทำดีกับแม่ฉัน
ทำให้แม่ฉันยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะเธอสักเดือน
หนึ่งจะได้ไหมหากครบเดือนแล้วฉันจะฆ่าแม่ฉันเองจะทำได้หรือไม่
? ภรรยาตอบว่า ได้ซิพี่
ก็ทนได้มาเป็นหลายปี
ทนต่อไปอีกเดือนเดียวทำไมจะไม่ได้
ครั้นวันรุ่งขึ้นกระทาชายนายคนนั้น
ก็ไปลับมีดดาบเล่มเก่านั้นแหละที่ข้างห้องนอนแม่ในเวลากลางดึก
คุณแปลกใจก็เลยออกมาดู
เห็นเข้าจึงถามว่า "
ลับมีดกลางคืนโบราณเขาถือมันไม่ดี
จะลับทำอะไรลูก" ลูกชายตอบว่า
"
อ้าวก็แม่ให้ลูกเลือกไม่ใช่หรือว่าจะเลือกแม่หรือเลือกเมีย
" เออ..แล้วเองเลือกใครละลูกหือ
... ลูกชายจึงตอบว่า
"ก็เลือกแม่นะซิครับ
เพราะว่าแม่ฉันนั้ในโลกนี้มีอยู่คนเดียว
ตายแล้วจะหา
ใครมาเป็นแม่อีกไม่ได้แล้ว
อีกอย่างหนึ่งแม่มีพระคุณต่อลูกเป็นอย่างสูงนักทดแทนอย่างไร
ก็ไม่หมดไม่สิ้น
ส่วนนังเมียปากร้ายนั้นถือดีอย่างไรจึงมาชี้นิ้วให้เลือกแม่เลือกเมียมันมีสิทธิ์
อะไรเล่าแม่ว่าจึงหรือไม่"
...เออจริงลูก
หมายความว่าเลือกแม่แล้วใช่ไหม
" ...ใช่จ่ะแม่
แต่ว่าเมียฉันถึงอย่างไรมันก็เป็นเมีย
หากฉันไล่มันออกจากบ้าน
มันยังสาวยังสวย เกิดมันไป
มีผัวใหม่หล่อรวยกว่าฉันแล้วพามาเยาะเย้ยฉัน
ฉันจะอายมัน
ที่ฉันลับดาบนี้ก็เพราะฉันจะ
ฆ่ามันเสียแล้วหมกฝังไว้ใต้ถุนบ้านเรานี้เอง
แม่ว่าดีหรือไม่.....
มารดาจึงกล่าวว่า ดีลูก ดีลูก
ฆ่าเมื่อไหร่แม่จะช่วยจับเอาเสียคืนนี้ดีไหมลูก...
เดี๋ยวก่อนแม่
อย่างไรเสียเขาก็เป็นเมียฉันก่อนที่
ฉันจะฆ่ามันฉันขออะไรแม่สักอย่างหนึ่งจะได้หรือไม่...แม่ตอบว่า
อะไรล่ะลูก คืออย่างนี้
ก่อนที่ฉัน จะฆ่าเมียฉัน
ฉันขอให้แม่ทำดีกับเมียฉันสักเดือนหนึ่งจะได้หรือไม่
หากครบ ๑ เดือนแล้ว
ฉันจะฆ่ามันด้วยดาบเล่มนี้...มารดาตอบว่า
ได้ซิลูก ทนมาได้ตั้งหลายปี
ทนต่อไปอีกเดือนเดียว
ทำไปจะไม่ได้ ...
-
ว่าแล้ว
ทั้งสองแม่ผัวกับลูกสะใภ้ต่างก็ทำดีต่อกันและกัน
เอื้อเฟื้อเผื่อต่อกันและกัน
นางลูกสะใภ้ก็เอาใจแม่ผัวด้วยการเข้าครัวทำอาหารอย่างที่แม่ผัวชอบ
เช็ดถูปัดกวาดเรียบร้อย สวยงาม
บีบบ้างนวดบ้าง
ปูที่หลับปรับที่นอน
เวลาทำก็ทำดี ๆ เวลาพูดก็พูดดี ๆ
เป็นต้น
ไปไหนมาไหนก็ไปมาด้วยกัน
จนชาวบ้านแถวนั้นออกปากกันทุกคนว่า
แม่ผัวกับลูกสะใภ้คู่นี้
ไปมาด้วยกันเสมอเหมือนกับเป็นเงาซึ่งกันและกัน
ฝ่ายแม่ผัวก็เช่นเดียวกัน
นามีกี่แปลง สวนมี
กี่ขนัดก็ยกให้ลูกสะใภ้จนหมดสิ้น
โดยคิดว่าเมื่อมันตายแล้วค่อยเอาคืน
เหตุการณ์เป็นอย่างนี้
สิ้นกาลสักว่าเดือนหนึ่ง
คือครบเดือนพอดี
คนผู้เป็นผัวก็ไปนำดาบมาลับอีกเช่นเคย
ภรรยาเห็น จึงพูดว่า
จะลับดาบทำอะไรอีกเล่า .......
อ้าว.ก็นี่มันครบหนึ่งเดือนแล้ว
ฉันจะฆ่าแม่ฉันเสีย
คืนนี้แหละเธอช่วยฉันจับทีนะ
........เอ..พี่ไม่รู้ว่าพักนี้แม่เขาเป็นอะไร
ดีผิดสังเกตุ ไร่นาก็โอน
ให้ฉันหมด
คำน้อยก็ไม่เคยด่าให้เจ็บใจเหมือนแต่ก่อนช่างเป็นแม่ผัวที่วิเศษเสียนี่กระไร
อย่าฆ่า
เลยนะพี่เลี้ยงแกไว้เถอะได้บุญออก
ต่อมาก็ลับดาบข้างห้องแม่อีกเช่นเคย
แม่ออกมาพูดว่า
อ้าว..ลับดาบทำไมอีกเล่าลูก..........วันนี้ครบเดือนแล้วครับคุณแม่ตามสัญญาว่าจะฆ่านังเมียปากร้าย
เสียทีเพื่อจะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามของแม่
แม่ช่วยฉันจับทีนะ
ฝ่ายแม่ก็ตอบว่า โอ๊ะ..โอ๊ะ..อย่า
อย่านะลูกมันเป็นบาป
แล้วระยะหลังนี้เมียเองก็ดีต่อแม่เหลือเกิน
ช่างเป็นลูกสะใภ้ที่วิเศษกว่า
ลูกสะใภ้ชาวบ้านเป็นไหน ๆ
อย่าไปฆ่าเลยลูก
-
จะเห็นได้ว่า
นับตั้งแต่นั้นมาครอบครัวนี้ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย
ผู้ใหญ่ก็มีความเมตตา ผู้นอ้ย
ก็มีความกตัญญู
ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข
เพราะการแก้ปัญหาด้วยปัญญาโดยแท้
-
การแก้ปัญหานั้นบางครั้งคิดว่าใหญ่หลวงนัก
แต่หากจะแก้ก็ไม่ยากใช้ปัญญาสาวหาต้นเหตุ
เมื่อเจอแล้วก็แก้ไขที่ต้นเหตุนั้นแหละ
อุปมาเหมือเครือเถาวัลย์ขึ้นท่วมบ้าน
การที่จะรื้อเถาวัลย์ออก
ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่
เปล่าไม่ใหญ่เลย
เพียงแต่คลำไปหาตอจนเจอแล้วถอนตอออก
เถาวัลย์ขาดแล้วก็ดึงลงมาทีเดียวเสร็จเลย
-
บ้านเมืองเราอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลา
ในนามีข้าว แต่เดียวนี้
หน้าข้าวชาวนาก็เอาข้าวมาเท
ปิดถนน ถึงหน้าทุเรียน
ชาวสวนก็เอาทุเรียนมาเทปิดถนน
ถึงหน้าอ้อย
ชาวไร่อ้อยก็เอาอ้อยมาเท ปิดถนน
เห็นว่าขายไม่ออก
ทำอย่างไรหนอจะมีพระเอกขี่ม้าขาว
นำสินค้าเกษตรไปเสนอขายต่าง
ประเทศ
ได้ราคางามจนผลิตออกขายกันไม่ทัน
ทำอย่างไรหนอประเทศไทยจึงจะมีรถที่ผลิตเอง
ในประเทศไทย
ข้าราชการไทยใช้รถดังกล่าวกันทุกกรมกอง
ทำอย่างไรหนอ ทำอย่างไรหนอ
จะมีคนมีปัญญามาแก้วไขได้
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
|